กลับจากการอบรมเมื่อวันที่ 29-30 ส.ค. 55 ที่ผ่านมา เหนื่อยมาก เล่นเอาเกือบเป็นไข้เลย การอบรมครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระ" ตามพรบ.หลักประกันสุขภาำพ มาตรา 50(5) สำหรับเนื้อหาการอบรมก็ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ มีช่วงให้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันเป็นระยะๆ แต่ที่หนักหนาสาหัสกลับเป็นที่อุณภูมิของห้องเสียมากกว่า ที่นั่นเป็นแอร์ให้อุณภูมิต่ำ รู้สึกหนาวมาก
โรงแรมเซนทรา เป็นโรงแรมที่อยู่ศูนย์ราชการของกรุงเทพฯ บริการดี ห้องน้ำสะอาด อาหารก็ใช้ได้ยู่นะ เสียอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องอุณหภูมินี่หละ เพราะที่ห้องประชุมของโรงแรมเซนทราในระบบแอร์ร่วมกับทางศูนย์ราชการหละมั้ง ถึงได้ควบคุมอุณหภูมิได้ยาก แต่ว่าทางพนักงานบริการก็พยายามที่จะช่วยดูแลปัญหาให้อยู่เหมือนกัน เพราะเห็นได้ว่ามีการมาสอบถามถึงสภาพอุณหมิอยู่เป็นระยะๆ ก็คิดว่าทางนั้นก็พยายามจะแก้ไขให้อยู่หละนะ
จบเรื่องหนาวๆเย็นๆไปเสียที กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า ในงานสัมมนาครั้งนี้ได้ สำหรับสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ได้รับมา คือการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่เคยทำงานรับร้องเรียนมาก่อน (ตั้งเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนมาก่อน) ซึ่งตัวแทนจากแต่ละศูนย์แต่ละสถานที่นั้น ก็ได้มาเล่าถึงเหตุการณ์ปัญหาต่างๆที่ตนเองเคยประสบมา และมียู่หลายๆเรื่องเหมือนกัน ที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีตลกขบขำแทรกอยู่บ้า่งตามประสาคนเล่า แต่เราก็เข้าใจได้ดีว่า ยามที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆนั้น คนรับเรื่องก้คงตลกไม่ออกเหมือนกันแน่ๆ เขาทุกข์ตามประสาคนที่เดือดร้อน เราก็ย่อมอยากจะช่วยเหลือเป็นธรรมดา
นอกจากนี้ยังได้ฟังประสบการณ์ในการรับเรื่องของผู้ที่ทำอยู่ในส่วนของ call center 1330 ด้วย ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่างในการรับเรื่องร้องเรียน โดยเขาจะถามเกี่ยวกับรายละเอียดจากผู้ที่ร้องไว้เยอะมาก เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด และสะดวกต่อการติดตามตรวจสอบข้อมูลภายหลัง
และสิ่งที่เห็นจากเวทีอบรมนี้ คือเรื่องจุดอ่อนของภาคประชาชน ที่แต่ละคนต่างทำงานกันเยอะแยะมากมายมาก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น นอกจากคนที่ร่วมทำงาน คนที่อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติงาน การประสาสัมพันธ์น้อย สื่อหลักไม่เล่นไม่ตาม ในขณะที่แกนนำส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งแต่ละทำงาน ทำงาน และทำงาน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆในชุมชนในสังคมเท่านั้น การบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนผลงานที่แต่ละคนได้ทำมา หลายๆเคสหลายๆกรณีนั้น สมควรที่จะได้รับการบันทึกและยกขึ้นเป็นกรณีศึกษาเอาไว้ได้ แต่เรื่องราวที่สำคัญๆส่วนใหญ่ก็ล่องลอยสายไปกับสายลมแห่งกาลเวลา
สุดท้ายเราก็กลับมามองย้อนดูที่ตัวเราเองว่า แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง กับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของเราที่กำลังจะเปิด และกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานในชุมชน หรืองานสภาของจังหวัด พาลคิดโยงไปถึงเรีื่องข้อมูล และสื่อนำเสนอต่อสาธารณะ
หลังๆชักจะเรื่อยเปื่อยแล้วสิ ค่อยๆำทำไปก็แล้วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น